ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ รายงานว่า ร้านอาหาร ผับ บาร์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะได้รับการผ่อนปรนให้บริการลูกค้าในร้านได้พร้อมกันไม่เกิน 50 คน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นรัฐนิวเซาท์เวลส์ อนุญาตให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ให้บริการลูกค้าในร้านได้พร้อมกันไม่เกิน 10 คน ซึ่งร้านอาหารจำนวนมากตัดสินใจไม่เปิดบริการ เนื่องจากไม่คุ้มค่าใช้จ่าย รัฐนิวเซาท์เวลส์จึงทบทวนและแถลงข่าวมาตรการผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้น อนุญาตให้บริการลูกค้าได้ไม่เกิน 50 คน
รัฐนิวเซาท์เวลส์มีคนที่ทำงานในธุรกิจบริการ สันทนาการ 280,000 คน การผ่อนคลายให้เปิดบริการลูกค้าโดยมีมาตรการสุขอนามัยที่เหมาะสม จะช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ และช่วยให้คนมีงานทำ
โดมินิค เพอร์รอทเตท รัฐมนตรีคลังรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลง พร้อมกับชี้แจงเพิ่มเติมว่ารัฐบาลท้องถิ่นมีการปรึกษาหารือกับสมาคมโรงแรมออสเตรเลีย เพื่อกำหนดมาตรการผ่อนคลายร่วมกัน
ภายใต้มาตรการผ่อนคลาย ร้านอาหาร ผับ บาร์ต้องปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัย จัดให้มีที่นั่งห่างกันอย่างเหมาะสม และไม่อนุญาตให้รับลูกค้าเป็นกลุ่มเกินกว่า 10 คน
การจัดโต๊ะรับประทานอาหารห้ามไม่ให้วางจานช้อนส้อมและมีดไว้บนโต๊ะอาหาร ก่อนที่ลูกค้าจะนั่งประจำโต๊ะ และห้ามไม่ให้มีการบริการอาหารแบบบุฟเฟต์ รวมทั้งการจัดเตรียมอาหารเป็นถาดหรือจานขนาดใหญ่ให้ลูกค้าตักแบ่งแบบบุฟเฟต์
รัฐบาลกลางออสเตรเลียมีการบริหารจัดการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 กระจายอำนาจให้รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจ และขณะนี้รัฐบาลท้องถิ่นรัฐนิวเซาท์เวลส์มีนโยบายผ่อนคลายมากที่สุด ทั้งการผ่อนคลายมาตรการทางสังคมและเศรษฐกิจ
นิวเซาท์เวลส์ เป็นรัฐทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศ มีนครซิดนีย์เป็นเอกของรัฐ และมีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย ชื่อรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีความเกี่ยวพันกับนักบุกเบิกรุ่นก่อตั้งประเทศที่เดินทางมาจากเวลส์ ในสหรัฐราชอาณาจักร จากคำว่า New South Welshmen
"กิน" - Google News
May 22, 2020 at 01:29PM
https://ift.tt/3bSSf85
ออสเตรเลียอนุญาต นั่งดื่มกินในร้านได้ 50 คน - ข่าวไทยพีบีเอส
"กิน" - Google News
https://ift.tt/2YKxNmY
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/35PjoHG
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ออสเตรเลียอนุญาต นั่งดื่มกินในร้านได้ 50 คน - ข่าวไทยพีบีเอส"
Post a Comment